การศึกษาจะอยู่ทุกที่ทุกเวลาในยุค AI...มหาวิทยาลัยกำลังอยู่บนมือคุณ
ในทศวรรษต่อจากนี้มีแนวโน้มที่คนรุ่น Gen Alpha จะไม่เรียนในมหาวิทยาลัยรูปแบบดั้งเดิม และจะไม่สามารถกำหนดวันเรียนจบรับปริญญาที่แน่นอน เพราะต้องเรียนรู้ตลอดชีวิตในการศึกษารูปแบบใหม่ที่แปลกไปมาก ซึ่งทักษะและความสามารถจะสำคัญกว่าปริญญาในที่สุด
นับตั้งแต่มหาวิทยาลัย Standford ก่อตั้งโรงเรียนมัธยมปลายออนไลน์ (Standford Online High School) หรือที่เรียกว่า Stanford OHS ในปี 2006 ซึ่งเป็นเวลากว่า 12 ปีแล้ว โดยได้รับการรับรองมาตรฐานจาก Western Association of Schools and Colleges (WASC) ของประเทศสหรัฐอเมริกา และแน่นอนในช่วงเวลาเริ่มก่อตั้งก็ไม่มีใครเชื่อว่า Stanford OHS จะมีนักเรียนจากทั่วโลก 32 ประเทศ (จาก 46 มลรัฐในสหรัฐฯ) สมัครเข้าเรียน และมีนักเรียนกว่า 750 คนต่อปี โดยมีการเรียนในรูปแบบต่างๆ เช่น สัมมนา realtime, club meeting และการแบ่งปัน (sharing) การเรียนรู้โยงใยเป็นเครือข่ายในไซเบอร์สเปซ
ศิษย์เก่าของ Standford OHS มีเครือข่ายทั่วโลกและหลากหลาย เช่น มีจำนวนมากที่กำลังเรียนต่อปริญญาโทและเอก บางคนเป็นนักแต่งหนังสือ บางคนก่อตั้งองค์กรไม่แสวงหากำไร และหลายคนกำลังจะเป็นแพทย์ เป็นต้น ซึ่งถือว่า Standford OHS ประสบความสำเร็จมากที่ใช้เวลาจากการก่อตั้งเพียง 12 ปีเท่านั้น
การที่เทคโนโลยีได้ถึงมือผู้เรียนอย่างรวดเร็วและราคาถูก จนทำให้พวกเขาสามารถค้นหาข้อมูลความรู้ได้เร็วกว่าที่โรงเรียนและมหาวิทยาลัยแบบดั้งเดิมจัดให้ ซึ่งเด็กๆ ใน Gen Alpha (พวกเขาอายุน้อยกว่า 8 ขวบในวันนี้) กำลังเติบโตมากับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีอย่างก้าวกระโดด ด้วยการพัฒนาสู่เทคโนโลยี Broadband Internet 5G ที่ผนวกเข้ากับปัญญาประดิษฐ์ (AI) จนทำให้เกิดความชาญฉลาดขึ้นอย่างแพร่หลายในการเข้าถึงและแลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้แบบอัตราเร่งในทศวรรษนี้ อีกทั้ง 5G จะทำให้อุปกรณ์บนมือของเรา รวมไปถึงอุปกรณ์สวมใส่ตามร่างกาย ไปจนถึง sensor ตามสถานที่และในอุปกรณ์ต่างๆ เชื่อมโยงกันและส่งข้อมูลในรูปแบบ realtime
อย่างไรก็ตาม เมื่อเทคโนโลยีก้าวหน้าด้วยอัตราเร่ง จึงทำให้รูปแบบการทำงานและอาชีพต่างๆ เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ดังนั้น ระบบการศึกษาในปัจจุบันกำลังถูกท้าทายและจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ในอนาคตอันใกล้ หากเราไม่เปลี่ยนรูปแบบการเรียนการสอน เพราะแนวทางและสิ่งที่เราสอนเด็กๆ ใน Gen Alpha ไม่สามารถทำให้พวกเขามีความสามารถทำงานร่วมกับเครื่องจักรแบบอัตโนมัติและ AI ได้ ยิ่งไปกว่านั้น สำหรับในหลายประเทศทั่วโลก (รวมทั้งประเทศไทย) ที่การเข้าถึงการศึกษายังถือว่ามีราคาแพง (สำหรับคนยากจนจำนวนมาก) และมาตรฐานการเรียนการสอนที่ไม่ทันโลก ก็จะทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำของคนในประเทศสูงขึ้นเรื่อยๆ
องค์การสหประชาชาติ (United Nations) ถือว่าการศึกษาเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของความเป็นมนุษย์ (Education as a human right) และด้วยเหตุที่ทุกประเทศทั่วโลกกำลังพยายามแก้ปัญหาต่างๆ ที่ต้นเหตุ จนในปัจจุบันกลายเป็นหลักสากลที่ว่าประเทศหรือรัฐ จะต้องสร้างความเท่าเทียมด้านการศึกษาโดยต้องไม่มีเงื่อนไขใดๆ ซึ่งหลักการดังกล่าวต้องการเห็นการบริการด้านการศึกษาขั้นพื้นฐานจะต้องเป็นการบริการแก่ประชาชนทุกคน โดยไม่มีค่าใช้จ่ายหรือฟรีนั่นเอง
ซึ่งการแก้ปัญหาดังกล่าวสามารถทำได้ด้วยวิธีการที่ดีที่สุด รวดเร็วที่สุด และลงทุนน้อยที่สุดด้วยการเปิดโอกาสทางการศึกษาให้ประชาชนทุกคนเข้าถึงการศึกษาได้ทางออนไลน์ ที่ง่ายดาย ทันสมัย และฟรี เพียงใช้นิ้วสัมผัส ไม่ว่าจะเป็นใคร อายุเท่าไร อยู่ที่ใด และเวลาใดก็ตาม
ตัวอย่างเช่น มหาวิทยาลัย Oxford ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำระดับโลก ได้นำเสนอการเรียนการสอนออนไลน์ระบบเปิดสำหรับมวลชน (massive open online course : MOOC) ซึ่งเป็นหลักสูตรที่ไม่จำกัดจำนวนคนเข้าเรียน และเป็นระบบเปิดสำหรับทุกคนที่อยากเรียนจะต้องได้เรียน โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายในการเรียน โดยมหาวิทยาลัย Oxford ได้ร่วมมือกับ edX ซึ่งเป็นรูปแบบการเรียนออนไลน์ที่ก่อตั้งโดยมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดและสถาบัน MIT ที่มีรูปแบบที่ตอบโจทย์การศึกษาแห่งโลกแห่งศตวรรษที่ 21 ในยุคปัญญประดิษฐ์ (AI)
ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีการสื่อสาร จึงทำให้บ้านหรือสถานที่พักผ่อนและบันเทิงต่างๆ จะกลายเป็นสถานที่ในการเรียนและการทำงานมากขึ้น เพราะเทคโนโลยี 5G, AI, Virtual Reality (VR) และ Augmented Reality (AR) จะทำให้มวลมนุษยชาติทำงานและสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดและเวลาใดก็ตาม
เมื่อเทคโนโลยีก้าวหน้าด้วยอัตราเร่ง จึงทำให้รูปแบบการทำงานและอาชีพต่างๆ เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ดังนั้น โรงเรียนและมหาวิทยาลัยแบบดั้งเดิมจะถูกท้าทายจากสถาบัน หรือบริษัทที่สามารถนำเสนอการให้บริการด้านการศึกษาแบบออนไลน์ที่มีความยืดหยุ่นสูง มีความทันสมัยด้านองค์ความรู้ใหม่ๆ ตามความต้องการของผู้เรียน มีราคาค่าเรียนที่ถูกกว่า (หรือฟรี) และแน่นอน โรงเรียนและมหาวิทยาลัยแบบดังเดิมยังคงอยู่แต่จำนวนอาจจะน้อยลงไปตามการพัฒนาของเทคโนโลยีและตามกาลเวลา