ข้อบังคับสมาคม

 

ข้อบังคับสมาคมนิสิตเก่าวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

 

หมวดที่ 1 ความทั่วไป

ข้อ 1. สมาคมนี้มีชื่อว่า “สมาคมนิสิตเก่าวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์”  ใช้อักษรย่อว่า “ส.วศ.มก.” 

มีชื่อภาษาอังกฤษว่า “Kasetsart University Engineering AlumniAssociation” ใช้อักษรย่อว่า “K.E.A”

ข้อ 2. เครื่องหมายของสมาคมมีลักษณะเป็นรูป พระพิรุณทรงนาคล้อมรอบด้วยเฟือง ดังรูปบนปกนี้

ข้อ 3. สำนักงานใหญ่สมาคม ตั้งอยู่ ณ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เลขที่  50  ถนนพหลโยธิน  แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ  10900

ข้อ 3. ทวิ   ในข้อบังคับนี้ “คณะวิศวกรรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์” หมายถึง คณะวิศวกรรมศาสตร์ (วิทยาเขตบางเขน), คณะวิศวกรรมศาสตร์ กำแพงแสน (วิทยาเขต กำแพงแสน), คณะวิศวกรรมศาสตร์ศรีราชา (วิทยาเขตศรีราชา), คณะวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ (วิทยาเขตเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสกลนคร), โรงเรียนช่างชลประทาน, โรงเรียนการชลประทาน, คณะวิศวกรรมชลประทาน และวิทยาลัยการชลประทาน และรวมถึงคณะวิชาที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์จะเปิดสอนในสาขาวิศวกรรมศาสตร์ ในวิทยาเขต อื่นในอนาคตด้วย

ข้อ 4. วัตถุประสงค์ของสมาคม เพื่อ

4.1 เป็นศูนย์กลางทางด้านการสื่อสัมพันธ์ สำหรับศิษย์เก่าวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

4.2 ส่งเสริมวิชาการทางด้านวิศวกรรมศาสตร์ และสนับสนุนการเรียนการสอนของคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

4.3 ช่วยเหลือโดยให้ทุนการศึกษาแก่บุตรหลานของสมาชิกและนิสิตคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

4.4 ช่วยเหลือผู้ประสพภัยพิบัติต่าง ๆ ตามโอกาสและฐานะของสมาคม

4.5 ธำรงและรักษาไว้ซึ่งวัฒนธรรมและขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามของไทย

 

ทั้งนี้ ไม่ดำเนินการใด ๆ ที่เกี่ยวกับการเมือง การฌาปนกิจสงเคราะห์ การพนันหาผลกำไรมาแบ่งปันกันตลอดจนไม่ทำให้เสื่อมเสียศีลธรรมจารีตประเพณี และวัฒนธรรมอันดีงามของชาติ

 

หมวดที่ 2 สมาชิก

ข้อ 5. สมาชิกของสมาคมมี 3 ประเภท คือ

5.1 สมาชิกสามัญ ได้แก่ บุคคลที่เคยศึกษาในคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

5.2 สมาชิกวิสามัญ ได้แก่ อาจารย์ หรืออาจารย์พิเศษคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์หรือบุคคลที่เลื่อมใสในกิจการของสมาคม

5.3 สมาชิกกิตติมศักดิ์ ได้แก่ บุคคลผู้ทรงเกียรติ หรือ ทรงคุณวุฒิ หรือผู้มีอุปการคุณแก่สมาคม ซึ่งคณะกรรมการลงมติให้เชิญเข้าเป็นสมาชิกของสมาคม

ข้อ 6. สมาชิกจะต้องประกอบด้วยคุณสมบัติ ดังต่อไปนี้

6.1 เป็นผู้บรรลุนิติภาวะแล้ว

6.2 เป็นผู้มีความประพฤติเรียบร้อย

6.3 ไม่เป็นโรคที่สังคมรังเกียจ

6.4 ไม่ต้องคำพิพากษา หรือคำสั่งถึงที่สุดของศาลให้เป็นบุคคลล้มละลาย หรือไร้ความสามารถ หรือเสมือนไร้ความสามารถ หรือให้จำคุก ยกเว้นความผิดที่ได้กระทำโดยประมาท                       หรือความผิดลหุโทษ การต้องคำพิพากษา หรือคำสั่งถึงที่สุดของศาล ในกรณีดังกล่าว จะต้องเป็นในขณะที่สมัครเข้าเป็นสมาชิก หรือในระหว่างที่เป็นสมาชิกของสมาคมเท่านั้น

ข้อ 7. สมาชิกสมาคมทุกประเภท มิต้องเสียค่าลงทะเบียนและค่าบำรุงสมาคมแต่อย่างใดทั้งสิ้น

ข้อ 8. การสมัครเข้าเป็นสมาชิกของสมาคม ให้ผู้ประสงค์จะสมัครเข้าเป็นสมาชิกของสมาคมยื่นใบสมัครตามแบบของสมาคมต่อเลขานุการ และให้เลขานุการติดประกาศรายชื่อผู้สมัครไว้ ณ สำนักงานของสมาคม เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 15 วัน เพื่อให้สมาชิกอื่น ๆ ของสมาคม จะได้คัดค้านการสมัครนั้น เมื่อครบกำหนดประกาศแล้วก็ให้เลขานุการนำใบสมัครและหนังสือ คัดค้านของสมาชิก (ถ้ามี) เสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการเพื่อพิจารณาอนุมัติว่าจะรับหรือไม่รับเข้าเป็นสมาชิกของสมาคม และเมื่อคณะกรรมการพิจารณาการสมัครแล้วผลเป็นประการ ใดให้เลขานุการเป็นผู้แจ้งให้ผู้สมัครทราบโดยเร็ว

ข้อ 9. ถ้าคณะกรรมการพิจารณาอนุมัติให้รับผู้สมัครเข้าเป็นสมาชิก สมาชิกภาพของผู้สมัครให้เริ่มนับตั้งแต่วันที่มีมตินั้น

ข้อ 10. สมาชิกภาพของสมาชิกกิตติมศักดิ์  ให้เริ่มนับตั้งแต่วันที่หนังสือตอบรับคำเชิญของผู้ที่คณะกรรมการได้พิจารณาลงมติให้เชิญเข้าเป็นสมาชิกของสมาคม ได้มาถึงยังสมาคม

ข้อ 11. สมาชิกภาพของสมาชิกให้สิ้นสุดลงด้วยเหตุดังต่อไปนี้

11.1 ตาย

11.2 ลาออก โดยยื่นหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรต่อคณะกรรมการ และคณะกรรมการได้พิจารณาอนุมัติและสมาชิกผู้นั้นได้ชำระหนี้สินที่ยังติดค้างอยู่กับสมาคมเป็นที่เรียบร้อย

11.3 ขาดคุณสมบัติสมาชิก

11.4 ที่ประชุมใหญ่ของสมาคม หรือคณะกรรมการได้พิจารณาลงมติให้ลบชื่อออกจากทะเบียนเพราะสมาชิกผู้นั้นได้ประพฤตินำความเสื่อมเสียมาสู่สมาคม

ข้อ 12. สิทธิและหน้าที่ของสมาชิก

12.1 มีสิทธิเข้าใช้สถานที่ของสมาคมโดยเท่าเทียมกัน

12.2 มีสิทธิเสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับการดำเนินการของสมาคมต่อคณะกรรมการ

12.3 มีสิทธิได้รับสวัสดิการต่าง ๆ ที่สมาคมได้จัดให้มีขึ้น

12.4 มีสิทธิเข้าร่วมประชุมใหญ่ของสมาคม

12.5 มีหน้าที่จะต้องปฏิบัติตามระเบียบปฏิบัติ และข้อบังคับของสมาคมโดยเคร่งครัด

12.6 มีหน้าที่ประพฤติตนให้สมกับเกียรติที่เป็นสมาชิกของสมาคม

12.7 มีหน้าที่ให้ความร่วมมือ และสนับสนุนการดำเนินกิจการต่าง ๆ ของสมาคม

12.8 มีหน้าที่ร่วมกิจกรรมที่สมาคมได้จัดให้มีขึ้น

12.9 มีหน้าที่ช่วยเผยแพร่ชื่อเสียงของสมาคมให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย

12.10 สมาชิกสามัญมีสิทธิในการเลือกตั้งหรือได้รับการเลือกตั้ง หรือแต่งตั้งเป็นกรรมการสมาคม และมีสิทธิ ออกเสียงลงมติต่าง ๆ ในที่ประชุมได้คนละ 1 คะแนนเสียง

12.11 สมาชิกสามัญมีสิทธิร้องขอต่อคณะกรรมการ เพื่อตรวจสอบเอกสารและบัญชีทรัพย์สินของสมาคม

12.12 สมาชิกสามัญมีสิทธิเข้าชื่อร่วมกันร้องขอต่อคณะกรรมการให้จัดประชุมใหญ่วิสามัญได้

 

หมวดที่ 3 การดำเนินกิจการสมาคม

ข้อ 13. ให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่ง ทำหน้าที่บริหารกิจการของสมาคมมีจำนวนอย่างน้อย 15 คนอย่างมากไม่เกิน 35 คน โดยในที่ประชุมใหญ่ของสมาคมจะเลือกตั้งเฉพาะตำแหน่ง นายกสมาคมเท่านั้น การเลือกตั้งนายกสมาคมนั้น ให้สมาชิกสามัญในที่ประชุมใหญ่เสนอรายชื่อสมาชิกผู้มีสิทธิ โดยมีสมาชิกสามัญรับรองอย่างน้อย 2 คน คัดเลือก โดยใช้วิธีออก เสียงลงคะแนนผู้ที่ได้รับคะแนนสูงสุดได้เป็นนายกสมาคม และในกรณีมีการเสนอชื่อผู้มีสิทธิเพียงคนเดียวให้ถือว่าผู้นั้นได้เป็นนายกสมาคมโดยไม่ต้องออกเสียงลงคะแนน สำหรับ กรรมการในตำแหน่งอื่น ๆ ให้นายกสมาคมเป็นผู้แต่งตั้ง ซึ่งตำแหน่งของกรรมการสมาคมมีตำแหน่งและหน้าที่โดยสังเขป ดังต่อไปนี้

13.1 นายกสมาคม  ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าในการบริหารกิจการของสมาคม เป็นผู้แทนสมาคมในการติดต่อกับบุคคลภายนอก และทำหน้าที่เป็นประธานในที่ประชุมคณะกรรมการ และการ ประชุมใหญ่ของสมาคม

13.2 อุปนายกสมาคม  ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยนายกสมาคมในการบริหารกิจการสมาคมปฏิบัติหน้าที่ตามที่นายกสมาคมมอบหมาย และทำหน้าที่แทนนายกสมาคมเมื่อนายกสมาคมไม่อยู่ หรือไม่สามารถจะปฏิบัติหน้าที่ได้ แต่การทำหน้าที่แทนนายกสมาคม ให้อุปนายกตามลำดับตำแหน่งเป็นผู้กระทำการแทน

13.3 เลขานุการ  ทำหน้าที่เกี่ยวกับงานธุรการสมาคมทั้งหมดเป็นหัวหน้าเจ้าหน้าที่สมาคม ในการปฏิบัติกิจการของสมาคม และปฏิบัติตามคำสั่งของนายกสมาคม ตลอดจนทำหน้าที่เป็น เลขานุการในการประชุมต่าง ๆ ของสมาคม

13.4 เหรัญญิก  มีหน้าที่เกี่ยวกับการเงินทั้งหมดของสมาคมเป็นผู้จัดทำบัญชีรายรับรายจ่ายบัญชีงบดุล

ของสมาคมและเก็บเอกสารหลักฐานต่าง ๆ ของสมาคมไว้เพื่อตรวจสอบ

13.5 ปฏิคม  มีหน้าที่ในการให้การต้อนรับแขกของสมาคมเป็นหัวหน้าในการจัดเตรียมสถานที่ของสมาคม

และจัดเตรียมสถานที่ประชุมต่าง ๆ ของสมาคม

13.6 นายทะเบียน  มีหน้าที่เกี่ยวกับทะเบียนสมาชิกทั้งหมดของสมาคม

13.7 ประชาสัมพันธ์  มีหน้าที่เผยแพร่กิจการและชื่อเสียงเกียรติคุณของสมาคมให้สมาชิกและบุคคลโดยทั่วไปให้เป็นที่รู้จักแพร่หลาย

13.8 กรรมการตำแหน่งอื่น ๆ  ตามความเหมาะสมซึ่งคณะกรรมการเห็นสมควรกำหนดให้มีขึ้น  โดยมีจำนวนเมื่อรวมกับตำแหน่งกรรมการตามข้างต้นแล้วจะต้องไม่เกินจำนวนที่ข้อบังคับ ได้กำหนดไว้ แต่ถ้าคณะกรรมการมิได้กำหนดตำแหน่งก็ถือว่าเป็นกรรมการกลาง

ข้อ 14. คณะกรรมการของสมาคมสามารถอยู่ในตำแหน่งได้คราวละ 2 ปี และเมื่อคณะกรรมการอยู่ในตำแหน่งครบกำหนดตามวาระแล้ว  แต่คณะกรรมการชุดใหม่ ยังไม่ได้รับอนุญาตให้จด ทะเบียนจากทางราชการก็ให้คณะกรรมการที่ครบกำหนดวาระรักษาการไปพลางก่อน จนกว่าคณะกรรมการชุดใหม่จะได้รับอนุญาตให้จดทะเบียนจากทางราชการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ให้ทำการส่งและรับมอบงานกันระหว่างคณะกรรมการชุดเก่าและคณะกรรมการชุดใหม่ ให้เป็นที่เสร็จสิ้นภายใน 30 วันนับตั้งแต่วันที่คณะกรรมการชุดใหม่ได้รับอนุญาตให้จดทะเบียน จากทางราชการ

ข้อ 15. ตำแหน่งกรรมการสมาคม ถ้าต้องว่างลงก่อนครบตามกำหนดวาระ ก็ให้นายกสมาคมแต่งตั้งสมาชิกสามัญคนใดคนหนึ่งที่เห็นสมควรเข้าดำรงตำแหน่งแทนตำแหน่งที่ว่างลงนั้น  แต่ผู้ที่ ดำรงตำแหน่งแทนอยู่ในตำแหน่งได้เท่ากับวาระของผู้ที่ตนแทนเท่านั้น

ข้อ 16. กรรมการอาจจะพ้นจากตำแหน่ง ซึ่งมิใช่เป็นการออกตามวาระ ด้วยเหตุผลต่อไปนี้

16.1 ตาย

16.2 ลาออก

16.3 ขาดจากสมาชิกภาพ

16.4 ที่ประชุมใหญ่ลงมติให้ออกจากตำแหน่ง

ข้อ 17. กรรมการที่ประสงค์ จะลาออก จากตำแหน่งกรรมการให้ยื่นใบลาออกเป็นลายลักษณ์อักษรต่อคณะกรรมการและให้พ้นจากตำแหน่งเมื่อคณะกรรมการมีมติให้ออก

ข้อ 18. อำนาจและหน้าที่ของคณะกรรมการ

18.1  ออกระเบียบปฏิบัติต่าง ๆ เพื่อให้สมาชิกยึดถือปฏิบัติโดยระเบียบปฏิบัติจะต้องไม่ขัดกับข้อบังคับนี้

18.2  แต่งตั้ง และถอดถอนเจ้าหน้าที่สมาคม

18.3  แต่งตั้งกรรมการที่ปรึกษา หรืออนุกรรมการ แต่ กรรมการที่ปรึกษาหรืออนุกรรมการที่ได้รับแต่งตั้งจะสามารถอยู่ในตำแหน่งได้ไม่เกินวาระของคณะกรรมการที่แต่งตั้ง

18.4  เรียกประชุมใหญ่สามัญประจำปี และประชุมใหญ่วิสามัญ

18.5  แต่งตั้งคณะกรรมการตำแหน่งอื่น ๆ ที่ยังมิได้กำหนดไว้ในข้อบังคับนี้

18.6  บริหารกิจการของสมาคม เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ ตลอดจนมีอำนาจอื่น ๆ ตามที่ข้อบังคับได้กำหนดไว้

18.7  รับผิดชอบในกิจการทั้งหมด รวมทั้งการเงิน และทรัพย์สินทั้งหมดของสมาคม

18.8  จัดให้มีการประชุมใหญ่วิสามัญตามที่สมาชิกสามัญจำนวน 1 ใน 3 ของสมาชิกสามัญทั้งหมดได้เข้าชื่อร้องขอให้จัดประชุมใหญ่วิสามัญขึ้น ซึ่งการนี้จะต้องจัดให้มีการ   ประชุมใหญ่วิสามัญขึ้นภายใน 20 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือร้องขอ

18.9 จัดทำเอกสารหลักฐานต่าง ๆ ทั้งที่เกี่ยวกับการเงินทรัพย์สิน และการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ของสมาคมให้ถูกต้องตามหลักวิชาการ และสามารถจะให้สมาชิกตรวจดูเมื่อ  สมาชิกร้องขอ

18.10      จัดทำบันทึกการประชุมต่าง ๆ ของสมาคมให้ถูกต้องตามหลักวิชาการ และสามารถจะให้สมาชิกได้รับทราบ

18.11   หน้าที่อื่น ๆ ตามที่ข้อบังคับได้กำหนดไว้

ข้อ 19. คณะกรรมการจะต้องประชุมกันอย่างน้อย 3 เดือนต่อ 1 ครั้ง เพื่อปรึกษาหารือเกี่ยวกับการบริหารกิจการของสมาคม

ข้อ 20. การประชุมคณะกรรมการ จะต้องมีคณะกรรมการเข้าร่วมประชุมไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของคณะกรรมการทั้งหมด จึงจะถือว่าครบองค์ประชุม มติของที่ประชุมคณะกรรมการ ถ้าข้อบังคับ มิได้กำหนดไว้เป็นอย่างอื่นก็ให้ถือคะแนนเสียงมากเป็นเกณฑ์ แต่ถ้าคะแนนเสียงเท่ากันก็ให้ประธานในการประชุมเป็นผู้ชี้ขาด

ข้อ 21. ในการประชุมคณะกรรมการ ถ้านายกสมาคม และอุปนายกสมาคมไม่อยู่ในที่ประชุมหรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ก็ให้กรรมการที่เข้าประชุมในคราวนั้นเลือกตั้งกันเองเพื่อให้กรรมการ คนใดคนหนึ่งทำหน้าที่เป็นประธานในการประชุมคราวนั้น

 

หมวดที่ 4 การประชุมใหญ่

ข้อ 22. การประชุมใหญ่ของสมาคมมี 2 ชนิด คือ

22.1 การประชุมใหญ่สามัญ

22.2 การประชุมใหญ่วิสามัญ

ข้อ 23. คณะกรรมการจะต้องจัดให้มีการประชุมใหญ่สามัญประจำปี ปีละ 1 ครั้ง

ข้อ 24. การประชุมใหญ่วิสามัญอาจจะมีขึ้นได้ก็โดยเหตุที่คณะกรรมการเห็นควรจัดให้มีขึ้นหรือเกิดขึ้นด้วยการเข้าชื่อร่วมกันของสมาชิกไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของสมาชิกสามัญทั้งหมด ร้องขอ ต่อคณะกรรมการจัดให้มีขึ้น

ข้อ 25. การแจ้งกำหนดนัดประชุมใหญ่ ให้เลขานุการรับผิดชอบส่งหนังสือนัดประชุมใหญ่ไปยังสมาชิกทุกคนซึ่งมีชื่อในทะเบียนของสมาคม ก่อนวันนัดประชุมไม่น้อยกว่า 7 วัน  โดยระบุวัน เวลา สถานที่ ระเบียบวาระการประชุม และจัดส่งรายละเอียด และเอกสารที่เกี่ยวข้องตามควร ไปพร้อมกันด้วย กับให้ประกาศแจ้งกำหนดนัดประชุมไว้ ณ สำนักงานของสมาคมก่อนวัน นัดประชุมไม่น้อยกว่า 7 วัน

ข้อ 26. การประชุมใหญ่สามัญประจำปีจะต้องมีวาระการประชุมอย่างน้อยดังต่อไปนี้

26.1 แถลงกิจการที่ผ่านมาในรอบปี

26.2 แถลงบัญชีรายรับ รายจ่าย และบัญชีงบดุลของปีที่ผ่านมาให้สมาชิกรับทราบ

26.3 เลือกตั้งคณะกรรมการชุดใหม่เมื่อครบกำหนดวาระ

26.4 เลือกตั้งผู้ตรวจบัญชี

26.5 เรื่องอื่น ๆ ถ้ามี

ข้อ 27. ในการประชุมใหญ่สามัญประจำปี หรือการประชุมใหญ่วิสามัญ จะต้องมีสมาชิกสามัญเข้าร่วมประชุมไม่น้อยกว่า 30 คน จึงจะถือว่าครบองค์ประชุม แต่ถ้าเมื่อถึงกำหนดเวลาประชุม ยังมีสมาชิกสามัญเข้าร่วมประชุม ไม่ครบองค์ประชุมก็ให้ขยายเวลาออกไปอีกพอสมควร แต่เมื่อครบกำหนดเวลาที่ขยายออกไปแล้วยังมีสมาชิกสามัญเข้าร่วมประชุมไม่ครบองค์ ประชุมก็ให้เลื่อนการประชุมคราวนั้นไป และให้จัดประชุมใหญ่อีกครั้งหนึ่ง หลังจากเวลาได้ล่วงเลยมาแล้วไม่น้อยกว่า 15 วัน แต่จะต้องไม่เกิน 45 วันนับตั้งแต่วันที่ได้เลื่อนการประชุม ในครั้งแรก ยกเว้นถ้าเป็นการประชุมใหญ่วิสามัญที่เกิดขึ้นจากการร้องขอของสมาชิก ก็ไม่ต้องจัดประชุมใหญ่ ให้ถือว่าการประชุมเป็นอันยกเลิก สำหรับการประชุมในครั้งหลังนี้ ถ้า สมาชิกสามัญ เข้าร่วมประชุมเป็นจำนวนเท่าใด ก็ให้ถือว่าครบองค์ประชุม

ข้อ 28. การลงมติต่าง ๆ ในที่ประชุมใหญ่ ถ้าข้อบังคับไม่ได้กำหนดไว้เป็นอย่างอื่น ก็ให้ถือคะแนนเสียงข้างมากเป็นเกณฑ์ แต่ถ้าคะแนนเสียงที่ลงมติมีคะแนนเสียงเท่ากัน ก็ให้ประธานในการ ประชุมเป็นผู้ชี้ขาด

ข้อ 29. ในการประชุมใหญ่ของสมาคม ถ้านายกสมาคม และอุปนายกสมาคมไม่มาร่วมประชุมหรือไม่สามารถจะปฏิบัติหน้าที่ได้ ก็ให้ที่ประชุมใหญ่ทำการเลือกตั้งกรรมการที่มาร่วมประชุมคน ใดคนหนึ่งให้ทำหน้าที่เป็นประธานในที่ประชุมคราวนั้น

 

หมวดที่ 5การเงินและทรัพย์สิน

ข้อ 30. การเงินและทรัพย์สินทั้งหมดให้อยู่ในความรับผิดชอบของคณะกรรมการ เงินสดของสมาคมถ้ามีให้นำมาฝากไว้ในสหกรณ์ออมทรัพย์ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ หรือธนาคาร พาณิชย์อื่น

ข้อ 31. การลงนามในตั๋วเงินหรือเช็คของสมาคม จะต้องมีลายมือชื่อของนายกสมาคม หรือผู้ทำการแทนลงนามร่วมกับเหรัญญิก หรือเลขานุการพร้อมกับประทับตราของสมาคม จึงจะถือว่า ใช้ได้

ข้อ 32. ให้นายกสมาคมมีอำนาจสั่งจ่ายเงินของสมาคมได้ครั้งละไม่เกิน 50,000 บาท (ห้าหมื่นบาทถ้วน) ถ้าเกินกว่านั้นจะต้องได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการ และคณะกรรมการจะอนุมัติให้ จ่ายเงินได้ครั้งละไม่เกิน 500,000 บาท  (ห้าแสนบาทถ้วน)  ถ้าจำเป็นจะต้องจ่ายเกินกว่านี้ต้องได้รับอนุมัติจากที่ประชุมใหญ่ของสมาคม

ข้อ 33. ให้เหรัญญิก มีอำนาจเก็บรักษาเงินสดของสมาคมได้ไม่เกิน 5,000 บาท (ห้าพันบาทถ้วน) ถ้าเกินกว่าจำนวนนี้ จะต้องนำฝากธนาคาร ในบัญชีของสมาคมทันทีที่โอกาสอำนวยให้

ข้อ 34. เหรัญญิก จะต้องทำบัญชีรายรับ รายจ่าย และบัญชีงบดุล  ให้ถูกต้องตามหลักวิชาการ การรับหรือจ่ายเงินทุกครั้ง จะต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ ลงลายมือชื่อของนายกสมาคมหรือผู้ ทำการแทนพร้อมกับประทับตราของสมาคมทุกครั้ง

ข้อ 35. ผู้สอบบัญชี จะต้องมิใช่กรรมการหรือเจ้าหน้าที่ของสมาคมและจะต้องเป็นผู้สอบบัญชีที่ได้รับอนุญาต

ข้อ 36. ผู้สอบบัญชี มีอำนาจหน้าที่จะเรียกเอกสารที่เกี่ยวกับการเงินและทรัพย์สินจากคณะกรรมการและสามารถจะเชิญกรรมการหรือเจ้าหน้าที่ของสมาคมเพื่อสอบถามเกี่ยวกับบัญชีและ ทรัพย์สินของสมาคมได้

ข้อ 37. คณะกรรมการ จะต้องให้ความร่วมมือกับผู้สอบบัญชีเมื่อได้รับการร้องขอ

 

หมวดที่ 6 การเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อบังคับและการเลิกสมาคม

ข้อ 38. ข้อบังคับของสมาคมจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้โดยมติของที่ประชุมใหญ่เท่านั้น มติของที่ประชุมใหญ่ในการเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อบังคับ จะต้องมีคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ของ สมาชิกสามัญที่เข้าร่วมประชุมทั้งหมด

ข้อ 39. การเลิกสมาคม จะเลิกได้ก็โดยมติของที่ประชุมใหญ่ของสมาคม ยกเว้นเป็นการเลิกเพราะเหตุข